วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550

* ตั๋วหนังมันเป็นของฉัน แต่ ....นั้นมันเป็นของใคร

เรื่องมันมีอยู่ว่า ปกติฉันไปดูหนังกับเพื่อนๆเสมอ ก่อนเข้าไปดู ก็เป็นธรรมเนียม ว่าต้องซื้อน้ำกับ popcorn มากินกัน
แต่มีอยู่วันนึง เป็นวันหยุด ฉันไม่มีอะไรทำมากมาย เลยตัดสินใจว่า จะไปดูหนัง ดูคนเดียวก็ได้ ไม่เห็นแปลก จริงๆนะ ฉันเห็นว่าการที่ทำอะไรบ้างคนเดียว ก็ดีเหมือนกัน เรามีเวลาอยู่กับตัวเอง มีเวลาทำอะไรทีเราชอบ โดยที่ไม่ต้องมานั่งดูว่าใครชอบหรือไม่ชอบ ( self มะ)

ฉันซื้อตั๋ว 1 ที่นั่งดูหนัง โจว ซิง ฉือ ด้วยความมั่นใจ เหอ เหอ และเข้าไปดู ข้างๆ ฉันเป็น พี่ผู้ชายกับผู้หญิงมาดูหนังด้วยกัน แหม สวีท วี๊ด วิ้ว
เอาล่ะ หนังเริ่มฉายไป ฉันเริ่มเข้า mode ตกอยู่ในผวังค์ และแล้ว.... เหตุร้ายกำลังจะเกิดกับฉัน (นึก sound เพลง Jaw ตอนฉลามออกมากันเองนะค่ะ)

ฉันเริ่มสังเกตุว่า ทำไม สองคนที่นั่งถัดไปจากฉันมันหัวเราะบ่อยๆ ทั้งๆที่ มันไม่ถึงตอนขำซะหน่อย แนะ แนะ หัวเราะอีกแล้ว

ฉันก็ดูหนังของฉันไปตามเรื่องตามราว พร้อมกิน popcorn อย่างสบายใจ ....เอาอีกแหละ หัวเราะ อีกแล้ว ... ช่างๆ ช่างๆ แต่เอ ทำไมมันหัวเราะว่ะ

ฉับพลัน!! ฉันนึกขึ้นมาได้ เฮ้ย อะไรกันเนี่ย ...

ฉันไม่ได้ซื้อ Popcorn มานี่หว่าตอนเข้ามา อิ๊บอ๋าย แล้ว ตรูมี popcorn กินได้ไงว่ะ เวรแล้ว....

เมื่อมองตามมือ ปรากฎว่า มันเป็น popcorn ของพี่ข้างๆ ... แถมพี่เค้าเอียงถุงอำนวยความสะดวกให้อีกด้วย เท่านั้นแหละ ฉันรีบขอโทษเป็นการใหญ่ พี่ผู้ชายที่นั่งติดกัน เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กินด้วยกัน เหอ เหอ เหอ ยังมาแอบใจดีอีก

5 นาทีต่อมา ชั้นก็ค่อยๆ กระดื๊บ กระดื๊บ ออกมาในความมืด และ ไม่เข้าไป อีกเลย .... จะอยู่ไปทำไม ให้ไฟเปิด ใช่ม้า (อันนี้เป็น คดีตัวอย่าง ชน แล้ว หนี)

ฮือ ฮือ ดีนะตรู ไม่ขอน้ำเขากินด้วย รู้ตัวเสียก่อน ... T-T อายจัง

ใช่แล้ว ตั๋วหนังเป็นของฉัน แต่ popcorn นั้นมันเป็นของใคร!! ใครว่ะ

เหตุเกิดเมื่อตอนชั้นยังเด็กสมัยอยู่ ABAC และ หลังจากนั้น ทุกครั้งไม่ว่าไปดูหนังคนเดียวหรือไม่ก็ตาม ฉันจะซื้อ popcorn ไว้ในครอบครองเสมอ

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550

* เที่ยวเกาหลี แบบตามรอยซีรี่ย์ FULL HOUSE

หลังจากที่ตัดสินใจว่า "หนูจะไปเกาหลี" ก้อเกิดปรากฏการณ์ ค้นหาข้อมูลของเกาหลีอย่างบ้าคลั่ง และแล้วเราก้อเจอทัวร์อันนี้ โอ้ มันช่าง satisfy needs เรามากๆ ไปเกาหลี แล้ว ก้อ บ้าน Full House... ไปก้าน จัดเสื้อผ้า หาเครื่องแต่งตัวให้เหมือนกับนางเอก หุหุหุ ... พวกเราไปกัน 4 คน แม่ ฉัน น้องสาว และ น้องชาย ...แน่นอน คนเป็นคนต้นคิด ต้องจ่ายตังค์ ...เนื่องจากฉันทำงานอยู่ในวงการ (ไม่ใช่วงการบันเทิง...แน่นอน วงการนางแบบ..หุหุหุ ฝันไปเอง) ฉันได้รับการอนุเคราะห์จากเส้นสายอันบางเบาของฉันในการได้รับส่วนลด อิอิอิ ก้อ เป็นจำนวนเงินหลายบาทอยู่นา เราก็เก็บเป็นค่า shopping ของฝากแก่เส้นสายแล้วกัน ...ขอบคุณค่า

เอาล่ะนะ พร้อมแล้วตามเรามา...

ตามรอยซีรี่ย์ FULL HOUSE - WINTER LOVE SONG
FULL HOUSE สะดุดรักที่พักใจ-นามิไอส์แลนด์-เมาท์โซรัค-ทะเลสาบชุงจู หมู่บ้านใต้น้ำ-ทันยาง"อควาเวิลด์"-เอเวอร์แลนด์ 4 คืน 5 วัน


เหิรฟ้า.. ฮันยอง เกาหลีใต้(อินชอน)

20.00 น. พร้อมคณะที่สนามบินดอนเมือง (ใช่ ณ ตอนนั้นยังเป็นดอนเมือง)เคาเตอร์สายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ มีเจ้าหน้าที่รออำนวยความสะดวกในการเช็คสัมภาระและเอกสารการเดินทาง ก่อนไปฝนตกหนักมากกกก ...เอ แล้วมันจะปลอดภัยมั้ยน่า...ก่อนมาเราก็ซื้อประกันภัยการเดินทางแล้วนะ แต่ เอ เราเดินทางกันหมดบ้าน แล้วใครจะรับผลประโยชน์ล่ะเนี่ย ฉันคิดไปต่างๆ นาๆ ... โว้ย โว้ย คิดไรเนี่ย.. ว่าแล้วฉันก็เปลี่ยนโหมดความคิดเป็นเรื่องสร้างสรรค์ดีกว่า ตอนเราไปถึงเราก้อเจอ...นางงาม Tiffany เป็นหัวหน้าไกด์ .. She มีนามว่า พี่หนุ่ย (พี่ขา พี่เปลี่ยนชื่อเป็นหญิงกว่านี้ก็ได้นะค่ะ ชื่อเจ๊ไม่ Inter เลย) เชื่อมั้ยว่าฉันมีความรู้สึกว่า Trip นี้จะดีแน่ๆ เพราะ พี่หนุ่ยเป็นคนสุภาพ และคอยช่วยเหลือเราดี ตั้งแต่ก่อนไป she จะโทรมาหาเราเพื่อแจ้งอุณหภูมิ ข้อมูลทั่วไป จุดนัดแนะ แนะนำร้านแลกเงิน ซึ่งปกติบริษัททัวร์ทั่วๆไป ไกด์จะไม่โทรมาบริการเราก่อนอย่างพี่หนุ่ยหรอก แถมยังบอกว่าได้รับการกำชับมาจากบริษัทมาว่าให้ดูแลครอบครัวเราอย่างดี โอ้ เริ่ดมาก แต่ฉันก้อเห็น spirit ของ she ในการดูแลลูกทัวร์ทุกคนเป็นอย่างดี เอ หรือ ทัวร์นี้เป็นทัวร์เด็กเส้นเหมือนฉันทุกคนหว่า

คณะเรามีทั้งหมด 35 ชีวิต ก็นับว่าเยอะพอสมควร แต่พี่หนุ่ยบอกว่าจะมี Guide ท้องถิ่น เป็นชาวเกาหลี (Miss Kim หรือที่เราเรียกว่า Miss Hello...เพราะทุกประโยคที่แกพูด แกจะขึ้นต้นว่า hello hello พร้อมอาวุธคู่กายเป็นร่ม 1 คัน) มาช่วยอีกที เรารับตั๋ว Passport และเอกสารต่างๆแล้วก้อแยกย้ายเข้า Gate ..

ก่อนมาเราได้ทำการเตรียมเอกสารเผื่อไว้เพื่อ support การตัดสินใจของ ต.ม. ฝั่งเกาหลี เนื่องจากคนไทยเดินทางไปประเทศเกาหลีไม่ต้องขอ VISA แต่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากที่ไปถึงแล้วโดนปฎิเสธให้เข้าประเทศ ทั้งนี้บริษัททัวร์ต่างๆ จะไม่รับผิดชอบใดๆ รวมทั้งไม่จ่ายเงินค่าทัวร์คืนแก่ลูกค้าเด็ดขาด ฉันเองได้เตรียมเอกสารเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น จดหมายรับรองจากบริษัท นามบัตร Bank Statement เรียกได้ว่ามีใบอะไรที่สามารถแสดงให้เค้าเห็นว่า เราจะไม่ไปเป็น Robinhood หรือ ไปแล้วไม่กลับ เป็นใช้ได้ ... เฮ้อ มันน่าจะให้ขอ VISA นะจะได้จบเรื่องกันไป


22.30 น. เหินฟ้าสู่กรุงโซล ใช้เดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องด้วยแอร์โฮสเตสที่สวยมากๆ นี่นะ ถ้าอยู่เมืองไทยก็เป็นนางเอกละครได้อย่างสบายๆ และแล้วเราก็ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ประมาณ 05.50 น. และเนื่องจากความมีโชคของฉันที่มักจะเป็นผู้โชคดีเสมอในการผ่านด่าน ซุ่มถาม ดักจับ ถามตอบตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน หรือเป็นเพราะหน้าตาที่ดูเป็นพวกหลบหนีเข้าเมืองของฉันรึเปล่า ไม่แน่ใจ ฉันมักเป็นที่ดึงดูด ตม. ไม่ว่าจะไปประเทศไหน ...ฉันไม่เข้าใจ..เป็นฉันทุกทีที่โดยถามนู่นนี่นั้น ...จะเอาไรกะฉันเนี่ย T-T เอาละซิ แล้วที่นี่ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย เหงื่อแห่งความงก และกังวลว่าจะไม่ได้เจอ น้องเรน ก็แตกพล่าน ไม่ได้การณ์ ฉันต้องวางมาดให้พี่ ตม.เกิดความมั่นใจเหมือนที่หัดเก้กหน้ากระจกก่อนมา หุหุหุ ผลปรากฎว่า หนูรอดค่ะ ...โล่งอก ไม่งั้นเสียดายเงินแย่... Hello Korea... Pim รอดแล้วจ๊ะ -_- " เอ้ย มาแล้วจ้า



พวกเราออกมานอกแอร์พอร์ต อากาศหนาวเชียวประมาณ 10 องศา ฉันกับน้องชายเลยเป่าปากให้เป็นไอแข่งกันใหญ่ อย่างมิกลัวเสีย Verb แหะ แหะ พวกเรารีบเอาเสื้อหนาวมาใส่เพิ่มเพราะพี่หนุ่ยบอกว่าจะไปเที่ยวต่อกันเลย แง แง แต่หนูหิวแล้วอ่ะ ไม่เป็นไร ในระหว่างที่รอให้ครบกันทุกคน ฉันก็วิ่งเข้าไปซื้อซาละเปา และเครื่องดื่มสำหรับครอบครัวรองท้องจาก 7-11 Convenient Store เราเป็นหนี้ร้านนี้จริงๆ เพราะกว่าจะได้กินข้าวมื้อแรก ก็ปาไปตอนบ่าย 2 สงสารแต่ครอบครัวที่มีเด็กๆมาด้วยบ่นกันใหญ่

FULL HOUSE – ชุนชอน นามิไอส์แลนด์ WINTER LOVE SONG – เมาท์โซรัค
FULL HOUSE ... บ้านเล็กริมชายทะเล
หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้วเดินทางสู่ท่าเรือซัมม็อก เพื่อเดินทางสู่บ้าน FULL HOUSE บ้านไม้ริมทะเลสีขาวสะอาดตา สถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์เกาหลี ชุด FULL HOUSE สะดุดรักที่พักใจ อันโด่งดังไปทั่วทั้งเอเชียรวมทั้งในเมืองไทย และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ฉันอยากมาเกาหลี บ้าน Full House มีมูลค่าถึง 1.3 พันล้านวอน ซึ่งสร้างอยู่ริมชายหาดอินชุน ซึ่งอยู่ในเมืองอินชอน Full House เป็นบ้านที่สร้างขึ้นแบบสไตล์ยุโรปซึ่งประกอบไปด้วยกระจกรอบบ้าน


ตอนเราดูละคร พระเอกสามารถขับรถซิ่งเข้าซิ่งออกอย่างสบายๆ นางเอกสามารถเดินกลับบ้านเองได้จากในเมือง แต่จะบอกเรื่องจริงให้ว่ามันต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเชียวนา ดังนั้น ฉันถึงเข้าใจวันนี้เอง ว่าโลกมายาเป็นยังไง เมื่อพวกเราไปถึงบ้าน FULL HOUSE ก้อเกิดอาการกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่สำหรับพวกที่ดูละครก่อนมา แต่สำหรับแม่ฉันและคุณผู้ชายบางท่านที่เดินทางไปด้วย ก็ได้แต่ทำหน้าปลงๆ เนื่องจากความไม่เข้าใจ บ้านของจริงมันไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด ห้องจีอุนก็ไม่มีผนัง พวกเราได้แต่วิ่งวุ่นหามุมถ่ายไปทั่ว พี่ยามที่เฝ้าบ้าน ส่งสายตามา อ่านความได้ว่า พวกไทยแลนด์นี่ มันบ้าได้ใจจริงๆ ใครบอกว่า หนูไทยแลนด์ เวลาทำอะไรเห่ยๆ ฉันมักจะบอกว่า I am Vietnamese ค่า เหอ เหอ เหอ อ๋อ พี่ยามที่นี่ ดุนะ อย่าเผลอไปนั่ง หรือ เลื่อน Furniture เชียวนะ แต่ถ้าเค้าเผลอก็ทำได้จ้า



หลังจากบ้าน Full House เราก็เดินทางสู่เมืองชุนชอน “เมืองแห่งทะเลสาบ”มีฐานะเป็นอำเภอเมืองของจังหวัดคังวันโด รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร บริการ DAKKALBI อาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนชอน DAKKALBI เป็นอาหารที่เค้าเอาไก่มาเป็นชิ้นๆ แล้วก็มาผัดกับไก่และมันฝรั่ง เมื่อเราทานใกล้หมดกระทะ เค้าจะเอาข้าวมาเติมและผัดๆๆ เป็นข้าวผัดตบท้าย อร่อยดีนะ อันนี้เราชอบกันทั้งครอบครัว

เกาะนามิ ... Winter Love Song

ตอนบ่าย ลงเรือสู่เกาะนามิ ชมวิวทิวทัศน์ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวี “ WINTER LOVE SONG” อันโด่งดังไปทั่วทั้งเกาหลีและเอเชีย พร้อมได้เก็บภาพกับโลเคชั่นประทับใจ เกาะนี้มันอยู่ไม่ไกลมากนักจากฝั่ง นั่งเรือ ferry ไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว พอไปถึงอากาศมันหนาวมาก รวมทั้งลมแรงทำให้หนาวมากขึ้นไปอีก ฉันเลยเข้าใจว่าทำไมนางเอกมันหน้าซีดหน้าเซียว ที่แท้มันหนาวอย่างงี้นี่เองขนาดหิมะไม่ตกเหมือนในละครนะเนี่ย ถ่ายรูปกับทิวทัศน์สวยงาม และไปวางท่าถ่ายรูปกับจุดที่เป็น landmark ที่มีการใช้เป็นฉาก ... ครอบครัวเราไม่ได้ดูละครเรื่องนี้ เลยไม่ In มากนัก ที่บนเกาะเราเลยหามุมถ่ายรูปที่สร้างสรรค์กว่าในลานเด็กเล่นโดยการเอาชุดอัศวินเด็กมาถ่าย ภาพออกว่าเลยทำให้ดูฮาดี ...ปรากฎว่า มีอากง อาม่า ชาวเกาหลี มาต่อแถวถ่ายเลียนแบบกันใหญ่ เมื่อถึงเวลานัดก็ได้เวลาอำลาเกาะนามิ


หม้อไฟอาฆาต Steam Boat
เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเมาท์โซรัค รถโค้ชลัดเลาะผ่านไปตามหน้าผาหุบเขาและลำธารผ่านชมธรรมชาติอันสวยงามของจังหวัดคังวันโด แต่ก่อนจะไปถึง เราแวะกินหม้อไฟ ชื่อเป็นเกาหลีว่า Steam Boat (ใส่สำเนียงเกาหลีกันเองได้เลยนะ คนเกาหลี อ่านว่า สะ ตีม มึ โบท ทึ เค้าอ่านอย่างนี้จริงๆ) เป็นแบบรวมมิตรทะเลยกพวก คือ จับได้ตัวไรมา ไม่มีหั่น ป้าแกโยนใส่หม้อไฟมาให้กินอย่างงั้น อันนี้ไม่ค่อยอร่อย หรือ เพราะเราเกรงใจพี่ปลามึกตาโต ที่คอยจ้องมอง ประมาณ กล้าดีไงมากินตรู เย้ย...แง หนูกล้วแล้ว -_-"




เมาท์โซรัค – วัดชินฮันซา – วัดนักซาน – ทันยาง “อควาเวิลด์”
เมาท์โซรัค...สวยดั่งภาพวาด

หลังทานข้าวที่โรงแรมก็เดินทางสู่เขตอุทยานแห่งชาติโซรัคซาน อุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่มีเนื้อที่ถึง 354 ตารางกิโลเมตร ชมความงามของขุนเขา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวประกอบด้วยภูเขาหินแกรนิตสูงตระหง่าน ตอนที่เราไปมันเป็นช่วงต้นฤดูหนาว ต้นไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเขียว สีเหลือง แดง ทุกอย่างรอบตัวช่างมีสีสัน ฉันเข้าใจแล้วคำว่า 'สวยดั่งภาพวาด' เป็นอย่างนี้นี่เอง ระหว่างทางจะมีธารน้ำเล็กๆ มีคนหามของพื้นเมืองมาขาย มีจิตรกรนั่งวาดรูป มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆ .. ฉันอยากให้อากาศเย็นๆแบบนี้มีในประเทศไทยจัง


วัดชินฮันซา

หลังจากที่พวกเราตื่นตา ตื่นใจกับบรรยากาศของเมาท์โซรัค เราก็ต้องเดินเท้าเข้าสู่เขต วัดชินฮันซา วัดเก่าแก่สร้างในสมัยอาณาจักรชิลล่าอายุกว่า1,000 ปีนำท่านไหว้พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางสมาธิขนาดใหญ่ที่ประดิษฐาน เป็นสัญลักษณ์ของอุทยาน ก่อนจะผ่านสะพานชำระล้างจิตใจเข้าสู่เขตวัดเพื่อไหว้พระขอพร ฉันคิดในใจว่าเราช่างโชคดีเหลือเกิน ได้เที่ยวในที่ที่สวยงาม แล้วยังได้มีโอกาสได้ทำบุญด้วย




วัดนักซาน

วัดเก่าแก่อายุ กว่า 1,000 ปีไหว้เจ้าแม่กวนอิมองค์มหึหา ซึ่งประทับยืนเด่นเป็นสง่า หันหน้าสู่ทะเลตะวันออกเพื่อปกป้องชาว เกาหลีตามความเชื่อแต่โบราณชมวิวที่ศาลาอุยซางแด ซึ่งชาวเกาหลีนิยมมาชมแสง แรกของปีในวันขึ้นปีใหม่ที่ศาลาแห่งนี้ วัดนี้โดนไฟไหม้ไปเมื่อตอนปี 47 แต่ด้วยมหัศจรรย์ หรือด้วยบารมีของเจ้าแม่กวนอิม ทำให้ไฟไหม้ไม่ถึงพระวิหารที่ประดิษฐานของท่าน แต่น่าเสียดายอาคารเก่าแก่ของวัดหลายอาคารถูกไฟไหม้ไป ตอนเราไปเราเลยได้ทำบุญซื้อหลังคาเพื่อบูรณะวัด





Super คาลบี้ หมู อร่อยที่สุดในโลก
หลังจากที่เราได้อิ่มบุญแล้ว ก็ถึงเวลาอิ่มท้อง.. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร บริการท่านด้วยหมูย่างเกาหลี “คาลบี้” เป็นหมูที่หมักจนได้ที่ นำมาย่างบนเตาร้อนๆตัดพอคำ รับประทานกับซอส,กระเทียม,กิมจิใช้ใบผักกาดหอมสดห่อเป็นคำๆ คล้ายเมี่ยงคำพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ไม่ต้องคอยแม่ช้อยมารำ สำหรับเมนูนี้ ฉันแถบอยากหาผ้าแถบมาห่มแล้วรำให้เองซะเลย เชื่อมั้ยว่า กรุ๊ปเรารับรองความอร่อย ด้วยการรับประทานซะหมูหมักเกลี้ยงภัตตาคาร เหอ เหอ เหอ..


หลังจากนั้น เดินทางสู่ “เมืองทันยาง” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติในจังหวัดชุงชงบุกโด อยู่ตอนกลางของประเทศระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติในท้องถิ่นชนบทอันเรียบง่าย สู่แหล่งอาบน้ำแร่ที่เก่าแก่ที่สุด มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 53 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคภัยใข้เจ็บ โรคผิวหนัง และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง นำท่านเดินทางสู่ทีพัก DANYANG DAEMYUNG RESORT คอนโดหรูขนาดใหญ่ หันหน้าสู่แม่น้ำมีวิวทิวทัศน์งดงามเหมาะแก่การพักผ่อน ทั้งยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่,ศูนย์อาหาร,ห้องเล่นเกมส์สำหรับเด็กๆ และร้านช้อปปิ้งไว้รองรับผู้มาพัก หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเราไปถึงดึกเลยไม่มีใครลงไปเล่นน้ำที่สวนน้ำ “อควาเวิลด์” แน่ล่ะมันหนาวจนไม่อยากอาบน้ำต่างหาก อาหารค่ำ บริการ “ชาบู ชาบู” สุกี้สไตล์เกาหลีบนหม้อไฟร้อนๆ ประกอบด้วยหมูสไลซ์ ผักบำรุงสุขภาพต่างๆ น้ำซุปร้อนๆ และเส้นอุด้งซึ่งขาดไม่ได้ในการทานชาบู พร้อมข้าวสวยและเครื่องเคียง หลังอาหารก็เข้านอนตามระเบียบเพราะหมดแรง

หมู่บ้านใต้น้ำ
“หมู่บ้านใต้น้ำ” ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งยกเอาบ้านเรือนซึ่งในอดีตเคยตั้งอยู่ระหว่างซอกเขา ซึ่งบัดนี้ถูกน้ำในทะเลสาบท่วมหายเหลือไว้เพียงความหลัง ณ ที่นี้ เราจะได้ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชนบทเกาหลี พี่ไกด์ Ms. Kim เราบอกว่า บ้านเกาหลีสมัยก่อนเค้ามีการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน เอาความร้อนจากครัวส่งทางท่อให้ความอบอุ่นทั่วบ้าน ห้องนอนจะแบ่งเป็น 2 ฝาก ของผู้ชาย และ หญิง หุหุหุ Ms. Kim บอกว่าลำบากนิดหน่อยเวลา พ่อบ้าน กะแม่บ้านจะเจอกันที


ทะเลสาบชงจู กับตำนานรักแสนเศร้า
ล่องเรือทะเลสาบชงจู (45 นาที) ทะเลสาบชงจูเป็นทะเลสาบธรรมชาติ ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากทะเลสาบโซยัง สัมผัสถึงความงดงามของภูผาหินรูปร่างต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีมาแล้ว และเรื่องราวตำนานรักอันแสนเศร้าของ “อีหวั่น” กวีและนักปกครองที่สำคัญของเกาหลี กับหญิงสาวชาวบ้าน“ดูยัง”จนกระทั่งกลายเป็นโศกนาฎกรรม.. อีหวั่นเป็นข้าราชการในสมัยนั้น มีเหตุต้องไปอยู่เมืองอื่น แต่ก่อนไปได้ให้คำสัญญากับดูยังว่าจะกลับมา เมื่อเวลาผ่านไป อีหวั่นไม่มีวี่แววจะกลับมา ดูยังเลยตัดสินใจฆ่าตัวตาย เฮ้อ เป็นเรื่องเศร้าจังเลย แต่จำได้ว่าตอนได้ยินเรื่องเล่านี้ ฉันรู้สีกโกรธอีหวั่นจังแฮะ หลังจากนั้นเรือก็นำเราชมหินรูปเต่าที่เชื่อว่าทำให้อายุยืนยาว,หินรูปปลาวาฬ,หินรูปนิ้วโป้งหรือคนเกาหลีเรียกว่า“ตาบอง” นำชม “ไผ่สวรรค์” ริมทะเลสาบ เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของเมืองทันยาง






EVERLAND สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร แล้วทางสู่ “เอเวอร์แลนด์” สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นที่นิยมของชาวเกาหลีและชาวต่างเป็นอย่างมากตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา เมื่อเราเข้าไปก็เจอกับกองทัพเด็ก โอ้ย แค่ดูก็เวียนหัวแล้ว ฉันเป็นคนชอบเด็ก แต่เด็กเยอะเป็นกองทัพก็ยอมแพ้เหมือนกัน เหวอ เหวอหลังจากมึนงงกับเด็ก และเครื่องเล่น (ที่ไม่สามารถทนรอต่อคิดได้) ก็ถูก Ms Kim ต้อนให้เข้าสู่โลกของสัตว์ป่าซาฟารี ได้พบกับ“ไลเกอร์” ซึ่งเป็นลูกแฝดผสมที่เกิดขึ้นจากสิงโตผู้เป็นพ่อและเสือผู้เป็น แม่ นับเป็นแฝดผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก มีอายุกว่า 13 ปีมาแล้ว หน้าตามันก้อดูเหมือนสิงโต มากกว่าเสือ มีลายเหมือนเสือ แต่มีทรงผม (แผงคอ) ที่ดูแล้วเหมือนการผ่านการสระเซ็ทกว่าพ่อสิงโต เลยทำให้มันดูเป็นสัตว์ที่ in trend เพราะมีทรงผมทรงโมฮอค แหม hi-so จริ๊งน้องไลเกอร์และหลังจากนั้น เราก็เจอน้องหมี ที่ดูจะทำทุกอย่างได้เพื่อของกิน เฮ้อ ...แต่เราก็สนุกไปกับลีลาท่าทางอันพริ้วไหวของมันซึ่งพนักงานขับรถซาฟารีจะเป็นผู้ทักทายและเล่นกับพวกมัน นี่นะ ถ้าถ้ามันพูดได้อีกอย่าง ฉันต้องเชื่อ 100% แน่ๆ ว่ามีคนใส่หุ่นหมีอยู่ด้านใน













ไก่ตุ๋นโสม ซัมเคทัง



ตอนค่ำเราไปภัตตาคารเพื่อทานอาหารบำรุงสุขภาพ “ไก่ตุ๋นโสม ““ซัมเคทัง” อาหารบำรุงสุขภาพต้นตำรับจากในวัง เริ่ดมะค่ะ ที่บรรจงคัดสรรไก่ที่มีอายุพอเหมาะกับการรับประทาน(อายุ 45 วัน) คนละ 1 ตัว ไอ้เจ้าซัมเคทังมันเป็นไก่ที่ยัดไส้ด้วยของบำรุง อาทิ เม็ดพุทราแห้ง, รากโสมเกาหลี, เก๋ากี้, รับประทานพร้อมกับข้าวซี่งบรรจุอยู่ภายในตัวไก่ และเสริมรสชาติด้วยเส้นอุด้งขาวบริสุทธิ์ (เพื่อเพิ่มรสชาติควรใส่เส้นอุด้งลงไปในขณะที่น้ำซุปไก่กำลังเดือด) ปรุงรสด้วยพริกไทยและเกลือป่นของเกาหลี เสิร์ฟพร้อม “อินซัมจู” เหล้าดองโสมรสชาติกลมกล่อมไม่ฉุนแบบเกาหลีท่านละหนึ่งจอกหรือมากกว่า (เสียงเจ๊หนุ่ยบอก) อันนี้ฉันชอบนะ เพราะอากาศหนาวๆอย่างนี้ได้ทานของร้อนๆ มันทำให้เรารู้สึกอุ่นขึ้น แต่ไอ้เหล้าดองโสมนี่มันขมนะ ไม่ได้กลมกล่มเหมือนพี่หนุ่ยบอกสักกะนิด






หลังอาหาร พี่ไกด์ก็พาเรามาปล่อยที่ช้อปปิ้งตลาดขายส่ง ทงเดมุน ตลาดขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (จริงอ่ะ) มีสินค้าหลากหลายประเภททั้งเสื้อผ้า,อุปกรณ์ครัว,ห้องน้ำ,อุปกรณ์กีฬา,รองเท้า,กระเป๋า ฯลฯ มันหนาวลมโกรกซะจนเราไม่มีอารม shopping ฉันรู้สึกเหมือนกับมีใบมีดโกนมากรีดหน้าอย่างไรอย่างนั้น (เปรียบเทียบซะเว่อร์มะ) เรารีบหาที่หลบลมก่อน ได้การเข้าร้าน Etude เสียเลย Etude เลยเป็นอีกร้านที่ฉันชอบมาก ใครไปเกาหลีขอให้ไปซื้อเครื่องสำอางค์ร้านนี้นะ ถูกกว่าที่เมืองไทยกว่า 50% (ใครจะไปบอกด้วยนะค่ะ จะฝากซื้อของ) คนขายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ตอนแรกเดินเข้าร้าน พนักงานก็ปรี่เข้ามาจู่โจมดีอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าเราเป็น ฝรั่ง (เหอ เหอ ในสายตาเค้า) เท่านั้นล่ะ เคยเห็นภาวะวงแตกมั้ย เฮ้อ ฉันเข้าใจอีกครั้งนึงว่า ฝรั่ง (ตัวจริง) มาเที่ยวเมืองไทยแล้วรู้สึกอย่างไร แต่ฉันบอกได้เลยว่า รอยยิ้ม กับความพยายามที่จะช่วยเหลือเรา นั่นแหละ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า มันเป็นเสน่ห์ของการ Shopping ที่นี่ หลังจากบ้าซื้อเครื่องสำอางค์ ทั้งที่ Etude และ Skin Food ซื่งก็ถูกกว่าที่เมืองไทยประมาณ 50% อีกเหมือนกัน เราซื้อซะจน พนักงานมายืนเรียงแถวโค้งขอบคุณกันใหญ่ เหอ เหอ ไฮโซ้ ไฮโซ ก่อนกลับฉันแวะซื้อรองเท้า ต่อราคาอย่างเมามัน เราใช้เครื่องคิดเลขสู้กันอย่างเงียบๆ ระหว่างฉันกับคนขาย เหอ เหอ เหอ ก่อนกลับ คนขายพูดว่า Thank You แหม พูดอังกฤษได้ขึ้นมาเชียว พร้อมกับพูดว่า Are U Vietnamese? หา อะไรนะ ฉันสะดุ้ง เหวอ เหวอ อันนี้ไม่ได้บอกนะเฟ้ย หรือฉันทำอะไรเสร่อๆ ไปเนี่ย แง แง ฉันสูดหายใจแล้วตอบไป ตรู from THAILAND เฟ้ย ...

วันสุดท้าย เป็นนายแบงค์ก่อนกลับ
เช้า หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ก็มุ่งหน้าสู่ “ศูนย์โสมเกาหลี” ฟังการบรรยายสรรพคุณของโสมเกาหลีที่มีอายุ 6 ปีได้รับการรับรองจากรัฐบาล จัดว่าเป็นโสมที่มีสรรพคุณดีที่สุด เนื่องจากเกาหลีเป็นประเทศที่มีศูนย์โสมโลกตั้งอยู่ โสมเกาหลีจึงได้รับการพัฒนาทั้งในด้านคุณภาพและบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เราได้ชิมผลิตภัณฑ์จากโสมมากมาย แต่ไม่ได้ซื้อหรอก เพราะทุกครั้งที่เราไปทัวร์ เช่นไปเมืองจีน บ้าซื้อชามา แล้วเป็นไงล่ะ หลังจากนั้น 2 ปี ชายังอยู่ในกล่องสวยหรูเหมือนเดิม ดังนั้น ครั้งนี้เราได้ประชุมกันแล้วว่าห้ามซื้อ ห้ามซื้อ หลายครอบครัว shopping กันอย่างเมามัน เหอ เหอ เหอ สู้เค้านะค่ะพี่ อย่าให้เสียชื่อพี่ไทย เรายกตำแหน่งตัวแทนประเทศให้พี่ๆ อีก 2 ครอบครัว



หลังจากนั้น พี่ไกด์ก็พาเรามาที่ศูนย์ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษีที่ห้าง DONGHWA DUTY FREE จะบอกให้ว่าไม่มีใครซักคนซื้อเลย เสียใจด้วยนะค่ะ คนไทยชอบของถูกๆ ค่ะ



ก่อนกลับเค้าพาเรามาที่ Supermarket ที่เป็นศูนย์ขายสินค้าพื้นเมืองอีกรอบหนึ่งเป็นการส่งท้ายก่อนอำลาเกาหลี อาทิ บะหมีซินราเมียน (มาม่าสไตล์เกาหลี) อุด้ง กิมจิ ขนมช็อคโก้พาย ลูกอมแปลกๆ ที่ประเทศไทยอาจไม่มี ช็อคโก แลตสโตน น้ำจิ้มปรุงรสหมูย่างเกาหลี ไก่ตุ๋นโสมสำเร็จรูป ผลไม้สาลี่ ในราคาพิเศษก่อนกลับเมืองไทย ) ที่นี่ล่ะ เกิดมหกรรม Shop แหลกเพราะเป็นที่สุดท้าย แม่ฉันก็เอากับเค้าด้วย มาม่า ชาส้ม ซ๊อสต่างๆ เหอ เหอ แม่พอแล้วจ้า ยั้งมือบ้าง ทีนี่ล่ะ เกิดเหตุการณ์เงินไม่พอกันในกรุ๊ปที่ไปเที่ยว ได้ทีบ้านเรา เหอ เหอ แลกเงินไปเยอะ เหลือเงินวอนเยอะมาก ถ้าเอามาแลกเมืองไทยจะขาดทุนประมาณ สองพันบาท ด้วยความที่เจ้าน้องสาวเป็นคนหัวไว มันก็เปิดธุรกิจ Money Exchange ตรงเคาท์เตอร์แคชเชียร์เสียเลย ปรากฎว่ามีกำไรกลับบ้านจากการแลกเงินอีกดัวย เหอ เหอ เหอ หัวเราะปิดท้ายด้วยความผาสุข และความประทับใจ

ฉันขอขอบคุณพี่ๆ ที่เที่ยวไปกับเราครั้งนี้ พวกพี่น่ารักกันทุกคน ฉันได้เพื่อนใหม่หลายคน ขอบคุณพี่หนุ่ย (เที่ยวมาหลายทัวร์ เจ๊ก็ยังเป็น number 1 สำหรับหนูอยู่ดี) ขอบคุณ ms kim ที่ช่วยจัดการ และคำอธิบายต่างๆ และที่สำคัญต้องขอบคุณครอบครัวที่ทำให้การเดินทางนี้สนุกครื้นเครง เพราะมันสนุกว่ามากถ้าไปเที่ยวกับครอบครัว

ฃ้อสังเกตเล็กๆน้อยๆจากทริปนี้

1. ผู้ชายเกาหลีไม่ได้หล่ออย่างพี่เรนทุกคนนะ เดินมา 10 คน จะหล่อแค่ 2 คน แง แง

2. ผู้หญิงเกาหลีสวยมาก เดินมา 10 คน สวยซะ 6 คน

3. ป้าๆ ชาวเกาหลีจะเสียงดังมาก ประมาณเหมือนจะตีกัน แต่เค้าคุยกันดีๆนะ

4. เมื่อเราต่อราคา ให้ระวังคนขายดีๆ เพราะมันจะตีแบบ ปึ๊ก ปึ๊ก อันนี้เค้าไม่ได้โกรธเรานะ แค่เป็น Gesture บอกว่า ลดไม่ได้จ้า

5. ห้องน้ำไม่เหม็น สะอาดดี

6. พึงอย่าแลกเงินวอนเยอะ ถ้าไม่แน่ใจแลก USD ติดไปจะดีกว่า ไม่ขาดทุน (มากนัก) ถ้าใช้ไม่หมด

7. หมูย่างเกาหลีที่เกาหลีอร่อยกว่าที่เมืองไทย

8. เครื่องสำอางค์ถูกมาก หนูชอบมากค่า



<bgsound src="NAME OF FILE">

* Korea 101...Introduction to Korea (inspired by Full House)

Full House เป็นละครพื้นฐานสำหรับผู้ที่จะเข้ามาหัดดูหนังเกาหลี ดังนั้นมันถือว่านี่เป็นการทำให้เราเข้าสู่หลักสูตร Korea 101 แบบไม่รู้ตัว และไม่ขัดขืน

เรื่องนี้มันเริ่มจากกรุ๊ปเมาท์ของช้าน พูดไป กรี๊ดกันไป เรื่องละครช่อง 7 ตอนวันเสาร์ ดูอะไรกันนักหนาเฟ้ย โม้กันอยู่ได้ ละครเกาหลี ดูกี่ทีพระเอกก้อไม่มีตา เห็นเป็นรอยกรีดเล็กๆอยู่บนใบหน้า เฟ้ย กรี๊ด กันอยู่ได้

"พี่ขา ถ้าพี่ไม่ดูนะค่ะ พี่โค ตะ ระ เชยระเบิด" (แว่ว เสียงน้องเชอร์รี่ แจ้งมา) อะไรนะ แค่ไม่ดูละครเนี่ยนะ ทำให้ช้านตกยุค
Oh! No!I love ศรราม และ พี่ป๋อ เฟ้ย ยังไง พระเอกช่อง 7 ก้อ ดูดีมีชาติตระกูลก่าย่ะ ไม่มีทางที่จะเอาพี่ๆของช้านไปแลกกะพระเอกตาเม็ดแตงโมเฟ้ย

ช่วงเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน น้องสาวเราได้นะเอาผลิตภัณฑ์ใหม่มาเปิดเผย "เจ๊ มาดูกันเร้ว เพื่อนหนูบอก ไม่ดูเชย แล้วมันบอกว่า แล้วจะติดใจ" ไรว่ะ เฮ้ย Full House มันกล้าดีไงว่ะ บุกเข้าบ้านตู แหวะ ละครที่น้องเชอร์รี่ กล่าวถึงนี่หว่า โหย ตามมาหลอกมาหลอน สงสัยมันจะมีดี เอาก้อ เอาว่ะ ดูข้ามๆไปแล้วกัน ได้ไปโม้กะน้องเชอร์รี่และพี่เตยที่ office ว่า ตรูไม่เชยแล้วเฟ้ย

แต่เอ.. ช้านเป็นอะไร ไม่รู้ ดูไปดูมา พระเอก มันก้อเริ่มหน้าตาดี หรือ ไอ้นี่ เล่นของฟะ จากด่ามัน ไอ้ตาเล็ก ก้อ เออ เนาะ ตามันก้อปกติ โอ้ย เริ่มแหละ ปากสวย ขายาว หุ่นดี (จ๊าย พี่ศรราม พี่ป๋อ หนูขอโทษ) นางเอกก็น่ารักดีเนาะ โกะๆ ไม่มี ฟอร์มเหมือน สุวนันท์ เออ หนุก ก้อ หนุก (เชอร์รี่ พี่ไป update มาแล้ว รอก่อนนะยะ คราวนี้ ตรูโม้ได้แล้ว) เป็นไงละ 16 แผ่น ดูกัน 2 วัน 2 คืน .. และแล้ว.. เราก้อโดนครอบงำ และกลายพันธุ์ ไปอีกคน

และในที่สุด .... เชอร์รี่ เจ๊จะไปเกาหลี เจ๊จองแล้วนะ Package Full House...เจ๊จะไปดูบ้านมันที่เกาหลี ... ดู VCD ไป 6 รอบ ไม่สะใจ รอก่อนนะค่ะ หึ หึ หึ Korea..See ya soon (นึกๆ ไป ตรูก้อบ้าได้ที่นะเนี่ย)


<bgsound src="NAME OF FILE">

* เรื่องเล่าจากน้องชาย ข้าวราดมิกกี้เมาส์

วันหนึ่ง ครอบครัวเราออกไปทานข้าวกัน ร้านนี้เป็นร้านซีฟู๊ด ชื่อ เรืองฤทธิ์ อยู่ตรงพุทธมลฑล สาย 3 มีอาหารแนะนำหลายอย่าง อาทิ ปูผัดผงกะหรี่ ปลากระพงทอดน้ำปลา กุ้งพริกเกลือ แต่ทุกครั้งที่เราไป มักจะมีอาหาร 1-2 อย่างที่ไม่ได้นำมาเสริฟ จะต้องมีการจดผิด หรือลงอาหารผิดทุกครั้งเลย... (อาหารของหนู มันหายไปหนายยยยยย )

น้องชายเราก็เลยเล่าให้ฟังว่า มีร้านประจำที่มหาลัย ก็เป็นอย่างนี้ สั่ง 10 อย่างจะมี error 2 อย่าง

ตัวอย่างเช่น ....
********************************************************

น้องชายกับเพื่อนๆ ประมาณ 10 คน ไปร้านนี้ ที่เป็นร้านประจำของแก๊ง เป็นร้านอาหารตามสั่ง มีคนเสริฟ ไม่จำกัดสัญชาติ ชื่อ จอนนี่
เป็นคนจดออร์เดอร์ และ เสริฟอาหาร

และแล้วก็เริ่มสั่งกันวุ่นวาย น้องชายและเพื่อน สั่งเมนูประจำ เลยสั่งกับพ่อจอนนี่ว่า "เอาหมูแดดเดียว ราดข้าวไข่ดาว 2"

เวลาผ่านไป....

อาหารก็เริ่มทยอยมาเสริฟ

......

และแล้วพ่อจอนนี่ ก็ซิ่งมาเสริฟที่เจ้าน้องชาย มันกลายเป็นว่า ....ข้าวราดหมูแดดเดียว (ก็ถูก) แต่มันโปะไข่ดาวมา 2 ฟอง (อ้าว มาได้ไง)

เอิ๊ก เอิ๊ก เวร จริ๊ง จริง แถมจัดหน้ามาเหมือนข้าวกล่องเด็กอนุบาลให้ซะด้วย มันน่าจะเป็น "ข้าวหน้า มิ๊กกี้เมาส์" .. เหอ เหอ เหอ ..

**************************************************************

งานนี้ไม่รู้ว่าพ่อจอนนี่ภาษาไทยไม่แข็งแรง หรือ น้องชายฉันเว้นวรรคผิดก็ไม่รู้

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550

* เรื่องของพ่อ


เราอยากให้พ่อรู้...

พ่อเป็น...คนที่รักเราที่สุด และพวกเรารักที่สุดในโลก
พ่อเป็น...ครูที่ดีที่สุดสำหรับเรา เพราะมันสนุกเสมอเมื่อพ่อสอนเรา
พ่อเป็น...ที่พึ่งพิง เป็นที่คุ้มภัยยามเราลำบาก
พ่อเป็น...เพื่อนคุย เพื่อนเล่นที่ดีที่สุด
พ่อเป็น...หมอให้เรา ดูแลเรายามเจ็บ
พ่อเป็น...พ่อครัวให้เรา...ยังจำได้ว่าขนมปังทาแยมที่แสนจะธรรมดา มันอร่อยแค่ไหน

เราจำพ่อได้เสมอ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน จำกลิ่นพ่อได้ จำเสียงได้
จำได้ว่าเวลาก่อนนอน พ่อจะห่มผ้าให้เราเสมอ และมันอุ่นแค่ไหน
จำได้ว่าเรารู้สึกปลอดภัยแค่ไหน เมื่อพ่อบอกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย

เราอยากให้พ่อรู้ว่า ตอนนี้พวกเรามีความสุขดี
เราทุกคนอยู่ได้อย่างเข้มแข็งจากคำพ่อสอน และอยู่ด้วยความภูมิใจที่เป็นลูกพ่อ
เรามีช่วงเวลาที่ดี และอยากให้พ่ออยู่ร่วมแบ่งปันกัน แต่เรารู้พ่ออยู่กับเราเสมอ

พวกเราอยากบอกพ่อว่า "รักพ่อเสมอ และดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ"

~เอ๋ แพร นัท~

Tears In Heaven

Would you know my name
If I saw you in heaven?
Would you feel the same
If I saw you in heaven?
I must be strong and carry on
cause I know I dont belong here in heaven...

Would you hold my hand
If I saw you in heaven?
Would you help me stand
If I saw you in heaven?
Ill find my way through night and day
cause I know I just cant stay here in heaven...

Time can bring you down, time can bend your knees
Time can break your heart, have you begging please...begging please

Beyond the door theres peace Im sure
And I know therell be no more tears in heaven...

Would you know my name
If I saw you in heaven?
Would you feel the same
If I saw you in heaven?
I must be strong and carry on
cause I know I dont belong here in heaven...


วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550

* ว่าด้วยเรื่องชื่อ blog อันยาวเหยียด

ทำไมชื่อ blog ช้านมันยาวเป็นกิโลอย่างงี้หว่า

ตอนแรกแค่อยากตั้งชื่อตามชื่อตัว Pim เป็นชื่อ email สั้นๆ แต่มิสามารถ เลยเอาเป็น พิมพ์ร้อยแปดพันเก้า ซะเลย เหอ เหอ เหอ ไหนๆก้อจะใส่เรื่องสารพันของตัวเอง และพวกพ้อง ก้อดีนะ พิมพ์ร้อยแปดพันเก้า ดูเป็นหนังยาวดี ว่ามั้ยเอ ว่าแต่ มันใส่รูปไงเนี่ย!!!

ได้เรื่องแล้ว...
1. ถ้าจะเลือกลาย template ก้อให้ไปเลือก ที่ Setting แล้วก้อเลือก template ลองคลิ๊กเลือกแบบ แล้วดูตัวอย่างได้
2. เพิ่มเพลง (Add Song) สามารถพิมพ์ code นี้ได้ใน box ของ HTML ได้ดังนี้

วิธีที่ 1
ตัวอย่าง < EMBED src="ชื่อ Link Site ที่ต้องลงท้ายด้วย .wma" autostart=true loop=false volume=60 hidden=false > < NOEMBED>

วิธีที่ 2
สมัครเป็นสมาชิกของ www.imeem.com แล้วคลิ๊กหาชื่อเพลง หรือ clip ที่ต้องการ แล้วก้อเลือก click code และ copy มาลงใหน HTML ที่ให้เราพิมพ์เนื้อเรืองได้ปกติ

3. เพิ่มรูป (Add picture) สามารถเลือก upload รูปภาพได้ โดย Click ปุ่ม upload รูปภาพ ที่เป็นรูปภูเขา แต่อย่าลืม click I accept นะ ไม่งั้นจะไม่สามารถ upload รูปได้ (เหมือนเราตอนแรกไง)